RELATED ARTICLES
ศิลปะการแสดงของ เชียงใหม่ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทำให้มองเห็นตัวตนร่วมกับคนข้างๆ
34 min. Read | 22 ตุลาคม 2563 | 5 k
หากมาเชียงใหม่แล้วอยากทำความรู้จักศิลปะการแสดง ลองถามหาจากใครสักคนหนึ่ง คุณจะเริ่มดูจากการแสดงใดในสถานที่แบบไหนก่อนก็ได้ และเมื่อดูจบไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร จะเปิงใจหรือไม่เปิง ลองไปพูดคุยกับศิลปินแล้วเขาจะแนะนำการแสดงของกลุ่มศิลปินอื่น ๆ ต่อให้ เมื่อเจอหนึ่งแล้วคุณจะเจอสอง เจอสามและสี่ไปเรื่อย ๆ ทั้งรูปแบบการแสดงที่คล้ายคลึง มีจุดร่วมบางอย่างหรืออาจจะต่างกันสุดขั้ว การแสดงที่มากกว่าหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกันเลยเหล่านี้เองที่น่าจะอธิบายความหมายของ ศิลปะการแสดงในเชียงใหม่ ได้เป็นอย่างดี
เมืองที่คุณเลือกดูการแสดงได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายโอกาส และพบได้ในหลายสถานที่ ทั้งโรงละคร แกลอรี่ วัด ร้านอาหาร หรือตามงานเทศกาลต่าง ๆ ทำไมเชียงใหม่ถึงเป็นเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม? คำถามที่เราสงสัยเมื่อได้‘ดู’การแสดงที่เชียงใหม่จนต้องไปหาคำตอบ
แม้จะเป็นช่วงที่เชียงใหม่เงียบเหงาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่การเดินทางภายในประเทศและภายในจังหวัดเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว ในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้เราเดินทางมาดู 2 การแสดง (ละครเวที 4SISTER จากกลุ่ม Part Time Theatre กับละครพูดผสมการเคลื่อนไหว Unidentified Craft II จาก Unidentified Theatre) และนัดสัมภาษณ์พูดคุยกับศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานในจังหวัดเชียงใหม่ 12 กลุ่มด้วยกัน เมื่อได้พูดคุยกับศิลปินคนหนึ่งเราก็จะได้ยินชื่อศิลปินคนอื่นอีกอย่างน้อย ๆ ก็สามถึงสี่ชื่อเสมอ เป็นการสัมภาษณ์ที่ศิลปินแนะนำตัวและอยากแนะนำเพื่อนศิลปินให้เราได้รู้จักด้วย นั่นทำให้ตารางของเราแน่นขนัดขึ้นเพราะเพิ่มอีก 1 การแสดงและอีก 2 กลุ่มศิลปิน และจำนวน 14 กลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของศิลปินในเชียงใหม่อย่างแน่นอน


ภาพโปสเตอร์ละครเวที 4SISTER จากกลุ่ม Part Time Theatre กับละครพูดผสมการเคลื่อนไหว Unidentified Craft II จาก Unidentified Theatre
แรกเริ่มเรามีนัดพูดคุยกับคุณโซโนโกะ พราว (Sonoko Prow) ผู้ก่อตั้งกลุ่มศิลปะขันธา(Khandha Arts) และเป็นศิลปินบูโต (Butoh: ศิลปะการเต้นที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น) ผู้ศึกษาศาสตร์การแสดงบูโตมาจากอาจารย์คัตสึระ คัง นอกจากงานแสดงในเชียงใหม่คุณโซโนโกะยังมีงานแสดงในหลายประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย
เราเดินทางไปต่อที่ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา (Lanna Wisdom School) เพื่อพูดคุยกับอาจารย์แววดาว ศิริสุข จาก ฟุ้งเบ้อแดนซ์เธียเตอร์ (Foong Bur Dance Theatre) และคุณมายด์ เพียงรวี ศิริสุข จาก ศิริสุขแดนซ์เธียเตอร์(Sirisook Dance Theatre) ถึงแม้การแสดงส่วนใหญ่ของทั้งสองจะเป็น Lanna Contemporary Dance ที่มีฐานของการฟ้อนล้านนา แต่ด้วยการศึกษาต่อ ประเด็นที่สนใจ และการทำงานร่วมกับเพื่อนศิลปินต่างกลุ่มก็ส่งให้รสชาติการแสดงของแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง อาจารย์แววดาวแนะนำให้เราไปดูงาน “การบรรเลงและแสดงคีตดุริยะ นาฏการล้านนาโอเปร่า ทิพย์ดารา(หมายเลข4)” ณ วัดศรีสุพรรณในวันถัดไปและยังแนะนำให้เราได้พูดคุยกับพี่อ๋อง รณรงค์ คำผา จาก คำผาแดนซ์เธียเตอร์(Kampa Dance Theatre) อีกหนึ่งศิลปินที่ใช้การฟ้อนล้านนามาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องผ่านการแสดงเช่นกัน

ภาพโปสเตอร์งานการบรรเลงและแสดงคีตดุริยะ นาฏการล้านนาโอเปรา ทิพย์ดารา(หมายเลข4)

การแสดง ME (2014) โดยคำผาแดนซ์เธียเตอร์(Kampa Dance Theatre) ถ่ายภาพโดย Michael Sakamoto
ชมผลงานของอ๋อง รณรงค์ คำผา ได้ทาง http://ongkpd.wixsite.com/dancelife
แม้การเดินทางไปสวนอัญญา สถานที่ทำการของกลุ่มลานยิ้มการละครในครั้งนี้ เราจะไม่ได้เจอสมาชิกปัจจุบันครบทั้ง 6 ท่าน รวมถึงอาจารย์คำรณ คุณะดิลก ที่ปรึกษาของกลุ่ม แต่จากคำบอกเล่าของกอล์ฟ นลธวัช มะชัย ตัวแทนกลุ่มและการติดตามข่าวคราวการแสดงของลานยิ้มการละคร ก็ทำให้เราได้รับข้อมูลมากมายจนตั้งธงในใจว่าจะต้องมาดูการแสดงที่นี่อีกอย่างแน่นอน
ปัจจุบันการแสดงของกลุ่มลานยิ้มจะหนักไปในทาง Performaning Art กับ Physical Theatre แต่กอล์ฟก็เล่าว่ามีแผนที่จะทำละครเพลง โดยตั้งใจว่าจะใช้เวลาศึกษาสักสิบปี ซึ่งนี่ก็ผ่านมาได้เจ็ดถึงแปดปีแล้ว ซึ่งรูปแบบการแสดงของกลุ่มจะปรับเปลี่ยนและเติบโตไปตามความสนใจของสมาชิก ส่วนเอกลักษณ์ที่น่าจะบอกเล่าความเป็นการแสดงของกลุ่มลานยิ้มได้ดีก็คือ ‘การแสดงที่นำเสนอประเด็นทางสังคม’ สมาชิกกลุ่มเลือกจับประเด็นความสนใจและลงไปศึกษาเพื่อมาทำการแสดง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเด็นปัญหาในพื้นที่แต่สนใจศึกษาไปในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


โปสเตอร์การแสดงของกลุ่มลานยิ้มการละคร
กอล์ฟยังเล่าถึงมายด์ เพียงรวี ว่าก่อตั้งกลุ่มลานยิ้มมาด้วยกันในยุคแรก ก่อนจะแตกหน่อความสนใจขยับขยายกลุ่มศิลปะการแสดงให้กว้างออกไป ทั้งยังแนะนำกลุ่มละครชุมชนกั๊บไฟ กลุ่ม Gate Theatre ที่ทำละครภาษาอังกฤษ โดยฝรั่งที่เข้ามาทำงานอยู่ในเชียงใหม่ และกลุ่มละครรุ่นใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งกันในช่วง 1-5 ปีนี้อย่าง กลุ่ม wonderjuey. กลุ่ม Part Time Theatre กลุ่มสุดใจโปรดักชั่น ไปจนถึงกลุ่มนักศึกษาชมรมละคร หรือคณะวิชาต่าง ๆ ที่รวมตัวกันทำการแสดงขึ้นมาเอง ด้วยความที่สวนอัญญาตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ใครก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่เพื่อทำกิจกรรมด้านศิลปะได้ จึงกลายเป็นที่ที่ผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาอยู่เสมอ
เมื่อมีการใช้พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน ก็ทำให้มีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตา รู้จักและเรียนรู้กันไปโดยธรรมชาติ ศิลปินต่างก็แวะเวียนเปลี่ยนหน้ากันไปช่วยงาน เดี๋ยวไปเป็นนักแสดงในโปรดักชั่นนี้บ้าง เดี๋ยวไปช่วยงานเบื้องหลังให้อีกกลุ่มบ้าง เหล่านักเรียนนักศึกษาก็เข้าถึงคนทำงานได้ง่าย ได้มาเรียนรู้งานจากพี่ ๆ กลุ่มละครต่าง ๆ อย่างสุดใจโปรดักชั่น กลุ่มละครหน้าใหม่ที่มีอายุได้เกือบปี ก็บอกเล่าความตั้งใจให้ฟังอย่างชัดเจน ว่าจะทำละครร่วมกับนักศึกษาคณะต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้น้อง ๆ ได้ค้นหาตัวเองผ่านงานแสดงจริงที่ไม่มีกรอบหรือใครมากำหนดว่าเราต้องเป็นแบบไหน เราสามารถศึกษาจากการทำงานร่วมกันและพัฒนาต่อไปได้
การไม่จำกัดกรอบในตัวเองนี้ก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราสามารถดึงศิลปะแขนงอื่นหรือเครื่องมืออื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วยอย่างกลุ่ม wonderjuey. ที่สมาชิกล้วนมีความสนใจใน ‘ศิลปะ’ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งการออกแบบตั๋วและสูจิบัตรการแสดงตามเนื้อเรื่อง ออกแบบพื้นที่การแสดงใหม่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในโรงละคร มีการนำแฟชั่นโชว์มาปรับใช้ในการแสดง หรือออกแบบของที่ระลึกจากการแสดงมาขายอีกด้วย


ภาพจากการแสดงและสินค้าที่ระลึกจากกลุ่ม wonderjuey.
ซึ่งการที่มีกลุ่มละครหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีสาขาวิชาด้านการละครเปิดสอนกันมากขึ้นด้วย การศึกษาก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการช่วยส่งให้สิ่งเหล่านี้เติบโตต่อไป นอกจากคณะวิชาในมหาวิทยาลัยก็มีโรงเรียนศิลปะการแสดงกาดสวนแก้ว(KAD Performing Arts) ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่พ.ศ.2534 ในระหว่างเรียนก็จะได้จัด Showcase ที่โรงละครกาดสตูดิโอเธียเตอร์(KAD Studio Theatre) และมีการแสดงใหญ่ประจำปี ณ โรงละครกาดเธียเตอร์ (KAD Theatre) ซึ่งก็เป็นอีกชื่อหนึ่งที่เราจะได้ยินจากการสัมภาษณ์เสมอๆ เหล่าศิลปินทั้งเคยเรียนที่นั่นบ้าง เป็นครูสอนที่นั่นบ้าง หรือแวะเวียนไปร่วมทำโปรดักชั่น หรือทำการแสดงที่โรงละครกาดกันอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง
ด้วยจังหวะเวลาที่ลงตัว เราได้มาชมถึง 2 การแสดง ณ เทพศิริ ครีเอทีฟ สเปซ (Dhepsiri Creative Space) ทั้งละครเวที 4SISTER จากกลุ่ม Part Time Theatre กับละครพูดผสมการเคลื่อนไหว Unidentified Craft II จาก Unidentified Theatre ที่จัดต่อเนื่องกันคนละสัปดาห์พอดี ซึ่งก็เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของการแสดงในเชียงใหม่ที่ป้าทิพย์ มณฑาทิพย์ สุขโสภา ผู้ดูแลเทพศิริ ครีเอทีฟ สเปซ เล่าให้เราฟังว่าใครไปใครมาก็เห็นกัน ใครกำลังทำงานอะไรเราก็พูดคุยกันตลอด จึงมักจะเลือกวันแสดงให้ไม่ชนกัน จะได้โอกาสไปดูการแสดงกันหรือไปช่วยงานกันได้

ภาพการแสดง 4SISTER โดยกลุ่ม Part Time Theatre
ก่อนที่เราจะเข้าไปชม 4SISTER เราก็ได้นั่งพูดคุยกับสมาชิกทั้ง 6 คนของกลุ่ม Part Time Theatre กับป้าทิพย์ ที่นอกจากจะเป็นผู้ดูแลเทพศิริ ครีเอทีฟ สเปซแห่งนี้แล้ว ยังเป็นศิลปินที่ทำละครหุ่นเงาภายใต้ชื่อกลุ่มพระจันทร์พเนจร(Wondering Moon) ที่ถือว่าเป็นศิลปินที่ทำงานมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ราวพ.ศ.2542 ซึ่งป้าทิพย์ก็ได้แนะนำศิลปินที่ทำละครหุ่นกลุ่มอื่นๆ อีกอย่างเช่น Homemade Puppet และเล่าย้อนไปถึงกลุ่มศิลปินกับการแสดงในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้เห็นประวัติศาสตร์การเกิดขึ้น พัฒนางาน หรือนำละครเร่ไปแสดงทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่และจังหวัดโดยรอบ มีศิลปินจากพื้นที่อื่นมาพำนัก ย้ายถิ่นฐาน หรือสร้างผลงานในเชียงใหม่เองก็มาก ศิลปินในพื้นที่ก็มีผลงานไปแสดงในต่างประเทศกันอย่างต่อเนื่อง


Makhampom Art Space
นอกจากนี้เรายังได้เดินทางขึ้นไปเชียงดาว เพื่อไปยัง Makhampom Art Space ซึ่งกอล์ฟ ธนุพล ยินดี ตัวแทนจากกลุ่มมะขามป้อมก็ได้พาเราเดินดูพื้นที่และเล่าถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของกลุ่มมะขามป้อม ตั้งแต่พ.ศ.2523 จวบจนถึงปัจจุบัน และยังได้พูดคุยกับกอล์ฟถึงงาน “Act up: Chiangmai Transformative Theatre Festival เทศกาลละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง” ที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงว่าเป็นงานสำคัญที่เชื่อมให้กลุ่มละครเดิมได้รู้จักกลุ่มละครใหม่ ได้เห็นการแสดงและเรียนรู้วิธีการทำงานของกันและกัน
รายชื่อกลุ่มนักการละครและประเด็นที่สื่อสารในงานนี้
● Orange: ประเด็นโรค/ภาวะซึมเศร้า โดย กลุ่มนักการละครรุ่นใหม่ Sirisook Dance Theatre
● ปีก: ประเด็นการเหยียดชาติพันธ์ุโดยเฉพาะแรงงานเพื่อนบ้าน โดย กลุ่มละครมืออาชีพ มะขามป้อม
● FARmily: ความกดดันกะเกณฑ์ชีวิตจากคนในครอบครัว โดย กลุ่มนักการละครรุ่นใหม่ Chapter One
● WHY? สิ่งแวดล้อมที่เชื่อมกับการเมือง โดย กลุ่มละครมืออาชีพ พระจันทร์พเนจร
● กระดานดำ: การไร้อิสรภาพในการศึกษา โดย กลุ่มนักการละครรุ่นใหม่ Define Love
● ขี้แห้งจับตาหมา: ความสวยงามตามกรอบสังคม จากนักการละครมืออาชีพ Foong Bur Dance Theatre
● THE CAGE: กรอบหรือกงขังมนุษย์ จากกลุ่มนักการละครรุ่นใหม่ ลานยิ้มการละคร
● HO Butoh Contempolary Dance: และการตีความเรื่องชาตินิยมในบ้านเรา โดย กลุ่มนักการละครมืออาชีพ Sonoko Prow & Khandha Arts
หากจะตอบคำถามว่าทำไมเชียงใหม่ถึงเป็นเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม? ข้อสังเกตหนึ่งที่เราได้หลังจากทำความ‘รู้จัก’การแสดงกับศิลปินที่เชียงใหม่ก็คือ ที่นี่ไม่มีการกำหนดว่าศิลปะการแสดง‘ของเชียงใหม่’ จะต้องเป็นอย่างไร ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าต้องเป็นแบบไหน ต้องทำอย่างไร หรือใครคือศิลปินใครไม่ใช่ ด้วยวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่เป็นมิตร ไม่หวงแหน พร้อมเปิดรับวัฒนธรรมใหม่เข้าร่วม การเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่ายของศิลปินและกลุ่มละครในเชียงใหม่ค่อยๆ แข็งแรงมากขึ้น รวมถึงกรอบของศิลปะวัฒนธรรมที่ไม่ถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศิลปะการแสดงในเชียงใหม่ นั้นมีอัตลักษณ์ที่แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปินและผลงานที่พัฒนาต่อยอดจากรากเง่าของวัฒนธรรมพื้นถิ่นไปได้อย่างไม่รู้จบ
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย The Showhopper
อ้างอิง:
สัมภาษณ์ศิลปิน
โซโนโกะ พราว (Sonoko Prow)
แววดาว ศิริสุข จาก ฟุ้งเบ้อแดนซ์เธียเตอร์(Foong Bur Dance Theatre)
เพียงรวี ศิริสุข จาก ศิริสุขแดนซ์เธียเตอร์(Sirisook Dance Theatre)
รณรงค์ คำผา จาก คำผาแดนซ์เธียเตอร์(Kampa Dance Theatre)
นลธวัช มะชัย จาก ลานยิ้มการละคร
มณฑาทิพย์ สุขโสภา จาก พระจันทร์พเนจร(Wandering Moon) และเป็นผู้ดูแลเทพศิริ ครีเอทีฟ สเปซ
ธนุพล ยินดี จาก กลุ่มมะขามป้อม
ยอร์ช จาก กลุ่ม Define Love และชมรมการแสดงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วัชรมนทร์ เธียรวัฒนจินดา ผู้บริหารโรงเรียนศิลปะการแสดงกาดสวนแก้ว
กลุ่ม Part Time Theatre - อาตัน อาแว, เทวัญ ศิริพัฒนกุลขจร, เชษฐพัทธ์ เขื่อนแก้ว, จักรกฤษณ์ คำหล้า, ฌานล สมสุพรรณ และวสันต์ มหาเกียรติคุณ
กลุ่ม wonderjuey. - ทิพย์พาพร สุนทรจามร, ภัคศรัณย์ พลหาญ และชญานนท์ สง่างาม
กลุ่มสุดใจโปรดักชั่น - ธนภัทร รัตโนทัย, ษมาพงศ์ เครืออยู่ และณัฐณิชา ชัยณรงค์
ภาพปกถ่ายโดย AG Z จาก Pexels
0%