RELATED ARTICLES
เซิ้งสะเดิดไปกับ Sound of the City ภาคอีสาน
21 min. Read | 15 ตุลาคม 2563 | 5 k
‘CEA VACCINE ร่วมสร้างสรรค์ ...ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจไทย’ เล็งเห็นโอกาสในการผลักดันการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างซบเซาไปมากในช่วง COVID-19 โดยผนวกรวมเข้ากับสื่อสร้างสรรค์อย่างดนตรี โดย CEA มองว่า บ่อยครั้งที่ก็ถูกนำมาบูรณาการเข้ากับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้บุคคลทั่วไปได้รู้จัก เช่นกันกับโครงการย่อยที่ชื่อ ‘Sound of the City’ ที่นอกจากจะเปิดโอกาสให้ศิลปินอิสระได้นำเสนอผลงานแล้ว อาจจะยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของย่านหรือเมืองต่าง ๆ ที่ศิลปินเลือกสร้างสรรค์ผลงาน ให้กลับมาคึกคักขึ้นได้
จากที่เดินเที่ยวเล่นในเมืองกรุง พุทธมณฑลจนเพลินใจ และพาขึ้นเครื่องไปแอ่วเหนือ slow life สัมผัสอากาศเย็นกันมาแล้ว ได้เวลาจับรถทัวร์ พาชาว Sound of the City เดินทางมาม่วนซื่นกันต่อยังภาคอีสาน ที่อาหารไม่ได้แซ่บอย่างเดียว แต่ดนตรีสนุกสนานและมีเอกลักษณ์จนไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เพลงจากภาคอีสานอย่าง ‘หมอลำ’ เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์สำคัญที่ทำให้ต่างชาติรู้จักประเทศไทยจาก ‘Thai Funk’ ที่เขาเรียกกัน มาตั้งแต่ยุค 60s ซึ่งนั่นก็ทำให้ศิลปินต่างชาตินำองค์ประกอบของเพลงจากภาคอีสานไปผสมกับดนตรีร่วมสมัย จน ‘หมอลำ’ ได้กลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
ภาพจาก : www.nairobroo.com/travel/mhor-lam/
ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ศิลปินไทยเองจะได้โชว์ฝีมือ หยิบเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นแท้ ๆ ของเราเอง มาถ่ายทอดในบริบทของเจ้าบ้านในแบบร่วมสมัย ทำให้ทั้งคนไทยและต่างชาติได้เห็นภาพของเมืองอีสานในมุมที่อาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ภาคอีสาน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีชายแดนติดกับหลายประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีแม่น้ำโขงที่กั้นระหว่างประเทศลาว และเทือกเขาพนมดงรักที่กั้นเขตแดนกัมพูชา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ภาษาอีสาน กับภาษาลาวมีความคล้ายคลึงกัน จนชาวลาวสามารถสื่อสารหรือเข้าใจภาษาไทยกลางหรืออีสานได้ด้วย และชาวอีสานใต้เองก็สามารถพูดภาษาเขมรได้เช่นกัน และบางครั้งก็ยังมีความเชื่อหรือประเพณีที่ใกล้เคียงกันจากการที่มีชาติพันธุ์ที่หลากหลาย กระจายกันอยู่ทั่วทั้งภาคอีกสานอีกด้วย
ไชยพงศ์ บุญเชี่ยว พูดถึง ‘ที่ราบสูง’ ในเพลงพื้นเมืองผสมกลิ่นดั๊บ เร็กเก้ ผสมเครื่องเป่า โดยใส่เสียงลำ สลับชายหญิงแทนผู้คนที่มาจากถิ่นอีสาน ซึ่งในภาพจำของทุกคนจะทราบดีว่าคนอีสานคือคนสู้ชีวิต เดินทางมาเมืองใหญ่เพื่อหาเงินกลับไปให้ที่บ้านได้อยู่สะดวกสบาย โดยเทียบกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ของภาคอีสานเป็นที่ราบสูง ที่ถูกครอบไว้ให้เงียบเหงา แร้นแค้น แต่พื้นที่อันกว้างขวางนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีที่แข็งแรง ที่จะไม่ทำให้คนอีสานหมดกำลังใจแม้จะเจอภัยโควิด เพราะพวกเขาคือ ‘นักสู้ที่ราบสูง’
ตุ้มเติ่น หมอลำกรุ๊ป (Toomturn Molam Group) วงดนตรีอีสานประยุกต์ นำทำนองลำสาละวันจากแขวงสาละวันในประเทศลาว ที่เป็นเพลงพื้นบ้าน มารวมกับเพลง ‘สาละวันรำวง’ โดย ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ที่มีท่อนติดหูจนคนร้องตามว่า ‘เตี้ยลง สาละวัน เตี้ยลง’ โดยเอาทำนองนี้มารวมกับดนตรีสากล จนออกมาเป็นเพลงบรรเลงพื้นบ้านอีสานที่ได้กลิ่นอายเพลงละตินอยู่เนือง ๆ เพื่อเป็นการตีความเมืองชัยภูมิ
ภาพวง : Paradise Bangkok Molam International จาก www.facebook.com/paradisebangkokmolaminternationalband
‘ลำเพลิน พารานอย’ เพลงบรรเลง แคน พิณเบส สุดคึกคักโดย Paradise Bangkok Molam International วงหมอลำร่วมสมัยซูเปอร์กรุ๊ปที่เคยไปแสดงในเทศกาลดนตรีระดับโลก Glastonbury ตีความเพลงอีสานออกมาในรูปแบบฟังก์ร็อกได้สะเดิดไม่แพ้หมอลำต้นตำรับ
พงศพร อุปนิ หรืออาจารย์ อ้น แคนเขียว กับ ‘ดนตรีบรรเลงปี่ภูไท’ นำเสนอวัฒนธรรมของชาวภูไท ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด รองลองมาจากกลุ่มไทลาว ด้วยทำนองเพลงภูไท ใช้ปี่ภูไท หรือปี่ลูกแคน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของเผ่าภูไทในจังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม อุดรธานี มุกดาหาร มีความใกล้เคียงกับปี่จุมของภาคเหนือ โดยได้แรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ เสียงพิณ แคน หรือปี่ภูไททำให้นึกถึงพ่อ แม่ ปู่ ย่า ที่อยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอน
จิรัฐ มัธยมนันทน์ เป็นอีกคนที่เลือกจังหวัดกาฬสินธุ์มาทำเพลง ‘อิสานเพลิน’ โดยมองว่าเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมเฉพาะตัวโดดเด่น โดยเฉพาะกับซากไดโนเสาร์ในอําเภอสหัสขันธ์ และมีชื่อเสียงด้านโปงลาง จึงทำออกมาเป็น world music นําเสนอความหลากหลายของกาฬสินธุ์ที่มีทั้ง ลาว เขมร จีน เวียดนาม ภูไท กะเลิง ไทข่า ไทดํา และญ้อ ด้วยเครื่องดนตรีท่ีโดดเด่นในแต่ละชาติพันธุ์ อย่างโปงลาง แคน ปี่ภูไท ร่วมกับการใช้เครื่องดนตรีตะวันตกร่วมสมัย
ภาพ : ต้นตระกูล แก้วหย่อง ผลงานเพลง ร้อยเอ็ด ภาพจาก Amplified Sessions โครงการ CEA LIVE HOUSE
ต้นตระกูล แก้วหย่อง ศิลปินดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีผลงานทั้ง Asia 7, Tontrakul, Rasmee Isan Soul, Nisatiwa สนุกกับการนำเครื่องดนตรีท้องถิ่นมาใส่ในดนตรีอิเล็กทรอนิก ปรับโฉมให้ร่วมสมัย และใส่ความสากลเข้าไปด้วยซินธิไซเซอร์ อย่างในเพลงนี้ก็พูดถึงเมือง ร้อยเอ็ด ที่มักจะมีงานบุญเทศน์มหาชาติ ตอนเวสสนัดรชาดก และงานบุญบั้งไฟ เป็นงานที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิต ความสนุกสนาน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชุมชน โดยใส่ความแอมเบียนต์ให้ฟังได้อย่างเพลิดเพลิน แต่เลือกบรรเลงพิณออกมาให้ใกล้เคียงกับโซโล่กีตาร์ร็อก มีการใช้เสียงโหวดมาร่วมเดินทำนองด้วย
สำหรับเมืองยโส ก็มี ปภาณิน เกษตรทัต หรือ เตย วงซุปเปอร์สตรี ที่เล่าเรื่องอำเภอ ‘เลิงนกทา’ ออกมาเป็น Isan experimental ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมโดยใช้ซินธิไซเซอร์บรรเลงออกมาคล้ายกับเสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้านของอีสาน แบ่งได้เป็นสามท่อน ท่อนแรกเป็น noise ให้รู้สึกถึงความเวิ้งว้างของที่ราบสูง แต่ท่อนสองก็เป็นการบอกว่าอีสานไม่ได้มีแต่ความแห้งแล้ง ซาวด์มีความชุ่มฉ่ำ เล่าถึงการมีลุ่มน้ำที่ทำการเพาะปลูกได้ และท่อนสุดท้ายมีจังหวะคึกครื้น โดยใช้จังหวะของดนตรีหมอลำเล่าถึงความคึกคักทางเศรษฐกิจของเมืองที่มีการค้าขายและส่งออก
นครราชสีมา หรือโคราช เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ของภาคอีสาน ภูษิต ชนพิมาย (3000) เลยเขียนเพลง ‘มาราชสีมา’ ออกมาในสไตล์คันทรี แบบที่เวลาเราขับรถไปที่ไหนก็ตามในเขาใหญ่ ก็จะเห็นบรรยากาศของ ‘คาวบอย’ อยู่เสมอ ๆ ท่อนติดหู ‘มา... มาราชสีมา... มาราชสีมา... มาราชสีมา...’ โดยเล่นกับเสียงการเดินทางด้วยรถไฟ เป็นการร้องชวนให้มาเที่ยวเล่นกัน ซึ่งเล่นกับคำว่า ‘มา’ จากชื่อจังหวัด พร้อมกับใช้ ‘เพลงโคราช’ ซึ่งเป็นเพลงพื้นเมือง เล่าถึงสถานที่สำคัญทางศาสนา สถานที่ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ไปจนถึงอาหารดังอย่างผัดหมี่โคราชด้วย
พงศธร กองเพียร กับเพลง ‘Me Hang’ อ่านว่า ‘มีแฮง’ เป็นอาการของคนที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา หรือแปลตรงตัวว่า มีแรง คือ สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย ก็ได้ โดยการแต่งเพลงนี้ก็อยากให้คนฟังรู้สึกสนุกสนาน และเพลิดเพลินไปกับดนตรีที่ผสมผสานเอาอะคูสติก อัลเทอร์เนทิฟ มาบรรเลงเป็นเพลงเร็ว แต่ฟังแล้วรู้สึกสบาย รวมกับเมโลดี้ในแบบอีสานร่วมสมัย ที่ชาวขอนแก่นคุ้นเคยกันดี
เช่นกันกับ เกรียงศักดิ์ สายสอน ที่พูดถึงสถานที่ต่าง ๆ ในขอนแก่น กับเพลง ‘Remind’ เพลงป๊อปที่เขาเล่าถึงความทรงจำร่วมกับคนสำคัญทั้งที่ยังอยู่และห่างหายไปจากชีวิต หลายครั้งที่มีโอกาสผ่านไปที่เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงแคน ธรรมชาติ สถานศึกษา ร้านค้า เขาจะยังนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับบุคคลที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเสมอ
ฝั่ง ภูวไนย ดิเรกศิลป์ พูดถึงเมืองขอนแก่นด้วยเพลง "คิดฮอดอิสาน" เพลงบรรเลงที่ใช้เสียงเครื่องดนตรีอีสานเป็นตัวดำเนินทำนองหลัก เพราะเชื่อว่าที่นี่เป็นเมืองหมอลำ หมอแคน เมืองแห่งดนตรีอีสาน เมืองการศึกษา และเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อหลาย ๆ จังหวัด มีความ civilized และมีอะไร ๆ ให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมตลอด การศูนย์กลางการจัดงานต่างๆ ทั้งนี้กระผมจึงขอเลือกที่จะสร้างสรรค์งานให้กับเมืองขอนแก่น
Microboat ตีความขอนแก่นจากกลิ่นอายดนตรีอีสานที่เฉพาะตัว เลือกจะบรรเลงออกมาใน ‘Esarn Sierra’ โดยได้แรงบันดาลใจจากเสียงแคนของคุณลุงขอทานที่ตลาด ที่ทำให้เขารู้สึกกินใจ โดยอัดเสียงเล่นแคนมาพัฒนาเป็นเพลงอิเล็กทรอนิก deep house
วิชชานนท์ สมอุ่มจารย์ ผู้กำกับอิสระจาก Electric Eel Films ที่มีผลงานมากมาย เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด ได้ทำเพลงบรรเลงที่ได้กลิ่นอาย psychedelic rock โดยเล่นกีตาร์เป็นลูป ที่ให้ความรู้สึกร้อนแล้งแบบภาคอีสาน ในเพลง "Khonkaenification" โดยใช้เทคนิค ‘สามคอร์ด ซอดแจ้ง’ ซึ่งคำนี้เป็นคําจัดความที่เรียกกันโดยทั่วไปของนักดนตรีในพื้นที่แถบภาคอีสาน หมายถึงการใช้แค่ 3 คอร์ดในการเล่นหมอลำ ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ในวงเหล้าหรือวงสนทนาขนาดเล็ก สะท้อนถึงการสันทนาการในพื้นที่และงบอันจํากัดของคนอีสาน 3 คอร์ดที่ว่าประกอบไปด้วยการเล่น Dm / Am / C / Dm ภายในหนึ่งห้องจังหวะ ช่วงหลังก็เล่นเป็นกรันจ์ ร็อกแอนด์โรล ผสมสำเนียงหมอลำ
เดอะ มู๋ ศิลปินผู้เรียนจบโรงเรียนแก่นนคร ฯ บ้านอยู่ริมบึงแก่นนคร และชอบคำว่า ‘แก่นนคร’ มากกว่าคำว่า ‘ขอนแก่น’ มองขอนแก่น (แก่นนคร) เป็นผู้หญิงสูงอายุคนนึง ที่มีลูกหลานมากมายที่เติบโตขึ้น ก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่เมืองหลวง หรือเมืองที่เจริญกว่า จึงเรียบเรียงเพลง ‘Kaennakorn Come Back’ เป็นอิเล็กทรอนิก r&b ให้เนื้อร้องเป็นภาษาถิ่นอีสาน ร้องเหมือนพ่อแม่แก่ชราร้องเรียกให้ลูกกลับบ้าน ใช้วิธีการร้องแบบ r&b มาถ่ายทอดเรื่องราวที่โหยหาอาทร ร่วมด้วยท่อนแร็ปดุดันจากแร็ปเปอร์ VKL ด้วย
ฟัง Playlist Sound of the City ภาคอีสานได้ที่นี่
เรียบเรียงโดย มนต์ทิพา วิโรจน์พันธุ์